MOVIE REVIEW AND STORYLINE: NEVER LET GO

Movie Review and Storyline: Never Let Go

Movie Review and Storyline: Never Let Go

Blog Article

รีวิวหนัง Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย


Movie Review and Storyline Never Let Go



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  ดรามา / ระทึกขวัญ


ผู้กำกับ:  อเล็กซานเดร เอจา


นักเขียน:  เคซี คอฟลิน,ไรอัน กราสบี้


นักแสดงนำ:  ฮัลลี เบอร์รี, อันโทนี บี. เจนกินส์, เพอร์ซีย์ แด็กซ์ส ที่ 4





เรื่องย่อ


ever Let Go ผูกเป็น หลุดตาย เป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดหลังโลกล่มสลายของแม่สุดแกร่งและลูกชายฝาแฝด เมื่อพวกเขาต้องรับมือกับอสุรกายร้ายที่แฝงตัวอยู่รอบบ้าน ทำให้ทั้งสามคนต้องผูกเชือกติดกันตลอดเวลา และ “ห้ามปล่อยเชือกจากกันเด็ดขาด” แต่ในขณะเดียวกันลูกๆ ของเธอก็เริ่มสงสัยว่าสัตว์ประหลาดที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวอยู่นั้นมีจริงหรือไม่ จนนำไปสู่การค้นหาคำตอบที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต! ดูหนัง เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

"อเล็กซานเดร เอจา" ผู้กำกับที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดี ถ้าบอกว่าเขาคือคนสร้างหนังสู้กับจระเข้ดุ อย่าง Crawl คลานขย้ำ เมื่อไม่กี่ปีก่อน กลับมาคราวนี้ก็ยังไม่ทิ้งลายงานแนวถนัดของเขาอีกครั้ง กับการสร้างแวดล้อมและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับไม่น่าไว้วางใจ แล้วก็เป็นอีกหนที่เขาสามารถควบคุมงานสร้างที่ไม่ได้ใหญ่อะไร แต่สื่อสารถึงคนดูได้อย่างทรงพลังด้วยดี ด้วยการใช้ความเป็นธรรมชาติผนวกกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์มาขับเคลื่อน เอาเป็นว่าในแง่งานโปรดักชันต่าง ๆ Never Let Go แทบจะไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเลย แม้ว่าจริง ๆ แล้วโครงการหนังเรื่องนี้เขามารับหน้าที่แทนผู้กำกับอีกท่านที่ผละตัวออกไป ก็นับว่าเขาได้ใช้พรสวรรค์และพรแสวงของตัวเองมารังสรรค์ให้หนังเรื่องนี้ออกมาได้คมคาย ขณะที่บทหนังได้คู่หู "เคซี โคลิน" กับ "ไรอัน กราสบี้" จากหนังอินดี้ The King Tide เมื่อปีก่อน มาทำหน้าที่วางโครงและร้อยเรียงเรื่องราวในหนังเรื่องนี้

 

ต้องยอมรับว่าในส่วนของบทหนัง Never Let Go ก็ยังปะปนไปด้วยความรู้สึกที่ชอบและไม่ชอบคละเคล้ากัน เมื่อกล่าวถึงโหมดการสร้างสตอรีความลึกลับที่เป็นท็อปปิกหลักของเรื่องนี้ อาจจะเป็นองค์ประกอบที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่หยิบจับขึ้นมาอย่างจริง แต่ทางฝั่งการยั่งลึกประเด็นเรื่องการดำรงชีวิตและครอบครัว กลับเป็นองก์ที่หนังทำได้ค่อนข้างชัดกว่าและเด่นกว่า กลายเป็นเป็นสองปมพากันตีคู่คี่กันไปในหนังเรื่องเดียว ทำให้ในท้ายที่สุดผลลัพธ์จึงออกมายังไปไม่ค่อยสุดทางเท่าไหร่ ผนวกกับการเล่าเรื่องที่ยังค่อนข้างติด ๆ ดับ ๆ ในบางช่วง อันที่จริงคนดูน่าจะพอทราบกันดีนั่นแหละว่าแก่นลึก ๆ ของหนังมันจะไปจบในทิศทางไหน เพียงแต่ว่าเราต่างก็อยากรู้ว่าหนังจะนำทางไปแบบสู่ปลายทางนั้นอย่างไร ในแง่ความชัดเจนก็ยังอธิบายออกมาแบบเก็บกักไว้ไม่เยอะมาก แต่กลับโดดเด่นในการดิ้นรนที่จะมีชีวิตของ 3 แม่ลูก ที่ใส่กิมมิกแห่งห้วงอารมณ์และเชิงจิตวิทยาเข้าไป มันจึงมีทั้งด้านที่เวิร์กกับตัวหนัง และก็มีด้านที่ยังไม่ค่อยไปได้กับท้องเรื่องด้วยเช่นกัน

 

แต่ไฮไลต์เด็ด ๆ ของเรื่องนี้ก็คงจะเป็นการแสดง ที่เอาจริง ๆ เรื่องนี้ใช้นักแสดงน้อยมาก แต่ "ฮัลลี เบอร์รี" ก็ยังโชว์ศักยภาพของความเป็นตัวแม่ และการเป็นนักแสดงมีอาชีพแบบเรียล ๆ ของเธอ เข้ามาจัดแจงและนำร่องนำทาง แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด ด้วยพลังการแสดงในลักษณะน้อยแต่มากของเธอ สมราคากับดาราเจ้าของออสการ์ที่แทบจะไม่ต้องออกแรงใด ๆ เท่าไหร่ ก็มอบการแสดงที่แตะโดนจุดที่ทำถึง ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย นับว่าเป็นหนังเขย่าขวัญกับบรรยากาศแห่งความวังเวงที่เต็มไปด้วยแวดล้อมที่ไม่น่าไว้วางใจ ในแง่งานโปรดักชันถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของเจ้าพ่อหนังเอาตัวรอดเลย ผนวกเข้ากับลีลาทางการแสดงที่ได้ตัวแม่มานำทางไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นหนังที่ยังไม่รู้สึกเทใจให้อย่างเต็มที่ ไม่ต่างกับความกล้า ๆ กลัว ๆ ในการเล่าเรื่องและทิศทางของบทหนัง ที่ยังมีหลายจุดที่ดำเนินไปแบบยังไม่สุดทางที่ควรจะเป็น มันถึงจะเป็นหนังที่เราแค่ "เกือบ" จะหลงชอบ และ "เกือบ" จะไปหลงความหลอนเท่านั้นเอง



ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


สิ่งแรกที่ต้องชื่นชมมาก ๆ คือ งานภาพและงานโปรดักชั่นที่ใส่ใจในรายละเอียด โดยเรื่องนี้ลงทุนไปถ่ายทำในสถานที่จริง โลเคชั่นบ้านกลางป่าเขาในแถบ “แวนคูเวอร์” ประเทศแคนาดา ถ่ายทอดบรรยากาศป่าเขาที่ดูยังไงก็ชวนอึดอัด (หนังใช้กล้อง 65 มม. กับเลนส์มุมกว้าง ทำให้ภาพมีความลึกทั้งที่อยู่ในวงจำกัด) ขณะที่บรรยากาศในบ้านกลับดูอบอุ่น โดยเฉพาะห้องนอนของเด็ก ๆ ซึ่งจะมีรายละเอียดบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของเด็ก ๆ ด้วย เช่น ฝั่งของ “ซามูเอล” จะเต็มไปด้วยของสะสมจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระดูก หรือขนนก ทั้งหมดจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ในขณะที่ฝั่ง “โนแลน” กลับตกแต่งด้วยภาพวาด แผนที่ของโลกที่พวกเขารู้จัก เท่าที่ความยาวเชือกจะพาพวกเขาไป 

 

ในส่วนของบทหนัง มีการแฝงไปด้วยปรัชญาทางโลกมากมาย “เชือก” สื่อไปถึงตัวแทนของความปลอดภัยและการกักขัง รวมไปถึงภาพสะท้อนของ “สายสะดือ” ที่เชื่อมโยงครอบครัวเข้ากับบ้าน มุมมองวิพากษ์ปัญหาการเลี้ยงดูเด็ก การปกป้องลูกเกินไป จนกลายเป็นการจำกัดอิสระ รวมไปถึงจุดสมดุล ระหว่างการปกป้องลูกกับการให้เสรีภาพเพื่อให้พวกเขาได้เติบโต และที่ต้องชื่นชมมาก ๆ ในเรื่องนี้ก็คือ งานการแสดงของเหล่าดาราเด็ก และ “ฮัลลี เบอร์รี” ดูลื่นไหลราวกับเป็นแม่ลูกจริง ๆ โดยเฉพาะฝ่ายดาราสาว ที่ทำการบ้านมาดีมาก ลงทุนแปลงโฉมตัวเองให้โทรมลงไปเรื่อย ๆ เพื่อสื่อให้เห็นถึงบทบาทการใช้ชีวิตที่ยากลำบากมานานหลายปี บทหนังชวนให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและขัดแย้งในเวลาเดียวกัน 

 

บางคนอาจสับสนและงงกับการดำเนินเรื่องที่คาดเดาได้ยาก อีกทั้งช่วงท้ายเรื่อง เต็มไปด้วยหดหู่มากมาย จึงอาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน รวมไปถึงบุคคลที่จิตใจอ่อนไหวง่าย กะโหลก ถือเป็นหนังแนวสยองขวัญที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มเอม ไม่ต้องเน้นจังหวะผีตุ้งแช่ ก็ยังหวาดผวาได้ ฉากกลางคืนมีการใช้เทคนิค DAY FOR NIGHTทำออกมาได้วังเวงและสวยงามมาก ดูจบแล้วลุกจากเบาะได้เลยไม่มี end credit แต่เชื่อว่าหลายคนจะเกิดความคาใจในหลายประเด็น คาดเดาไปได้ว่า หากหนังประสบความสำเร็จก็อาจมีภาคต่อ หรือต้นกำเนิดบ้านกลางป่า เพื่อคลี่คลายความคาใจทั้งหมด..ก็เป็นได้ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ hd-2u.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่



#ดูหนัง #NeverLetGo #ผูกเป็นหลุดตาย #รีวิวหนัง #MovieReview


 
กลับด้านบน

Report this page